“ชูวิทย์” งัดหลักฐานโต้ ชี้ “เศรษฐา” เข้าข่ายเลี่ยงภาษี!

วันที่ 7 สิงหาคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบ กรณีพนักงานที่ดินเขตพระนคร ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนที่ดินเลี่ยงภาษีของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากนายชูวิทย์เห็นว่า อาจจะมีการกระทำที่มีเจตนาประสงค์หลีกเลี่ยงภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่คำพูดจาก สล็อตวอเลท

"เศรษฐา" ขอใช้สิทธิ์ ฟ้องร้องดำเนินคดี "ชูวิทย์" หวังพิสูจน์ความจริง

"พร้อมพงศ์" แฉกลับ "ชูวิทย์" เคยดอดพบ "เศรษฐา" ขายที่ดินตัวเองให้

ขนลุกซู่! “ชูวิทย์” ถูก “เศรษฐา” ฟ้อง จี้ชี้แจงแทนฟ้องปิดปาก

โดยนายชูวิทย์อธิบายว่า ตามเอกสารกรมที่ดินเรื่องการประเมินราคาทุนทรัพย์ที่ดินและการเรียกเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายนั้น กรณีมีการโอนที่ดินให้ผู้ขอรายเดียวกันเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมเพียงบางส่วน ส่วนที่เหลือเอาไว้โอนทีหลัง ไม่ได้หมายความว่าเจ้าพนักงานจะสามารถรับจดทะเบียนที่ดินด้วยการให้ผู้ซื้อรายเข้าถือกรรมสิทธิ์โอนขายแบ่งออกเป็นช่วงๆได้ เพราะการกระทำเหล่านั้นมีเจตนาประสงค์หลีกเลี่ยงภาษีเงินได้ณที่จ่าย จึงสงสัยว่า เจ้าพนักงานควรจะรู้ถึงความผิดปกติของนิติกรรมนี้ แต่ยังปล่อยให้ทำได้ ก็อาจมีส่วนรู้เห็นสนับสนุนกันด้วยหรือไม่

นอกจากนั้น นายชูวิทย์ ยังได้อธิบาย กรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาแถลงข่าวแฉว่า นายชูวิทย์เคยดอดพบ นายเศรษฐา เพื่อขายที่ดิน โดยออกมาบอกลักษณะว่ามีปัญหากันเรื่องซื้อขายที่ดินที่ไม่ลงตัวนั้น นายชูวิทย์อธิบายว่า ภาพดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นช่วง 5 เดือนก่อนที่นายเศรษฐาจะลงเล่นการเมือง มีการให้ลูกน้องติดต่อหาตัวเองเพื่อเข้าไปพูดคุย เพราะสนใจที่ดินของตัวเอง แต่ปรากฏว่าที่ดังกล่าวมีการทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งในการจ่ายมัดจำล่วงหน้าไว้ 400 ล้านบาท หมดสัญญาช่วงเดือนธันวาคม 2566 ตัวเองจึงไม่สามารถขายซ้ำได้ พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมายังไม่เคยทำธุรกิจด้วยกัน และไม่เคยผิดใจกันมาก่อน

นอกจากนั้น นายชูวิทย์ได้นำแชทข้อความที่พูดคุยกับนายเศรษฐา หลังกลับจากการพูดคุยเรื่องที่ดิน ช่วงเดือนกันยายนปี 2565 มาโชว์เป็นหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้ผิดใจกัน

โดยทางฝั่งนายชูวิทย์ เป็นคนทักไปพูดคุยก่อน บอกว่า “ผมเห็นว่าวันก่อนคุณค่อนข้างหงุดหงิด รักษาสุขภาพ อายุก็ห่างจากผมไม่มาก รู้จักกันนานนาน มาก มาก ดีกว่าครับอนาคตคุณยังอีกไกล” ก่อนที่ฝั่งของนายเศรษฐาจะตอบกลับมาว่า “ไม่ได้หงุดหงิดเลยครับ เป็นคนใจร้อนอยากให้ถึงเป้าหมาย มีเงินน้อยกว่าคุณชูวิทย์ มีรายจ่ายเยอะกว่าครับ”

 “ชูวิทย์” งัดหลักฐานโต้ ชี้ “เศรษฐา” เข้าข่ายเลี่ยงภาษี!

หลังจากนั้นนายเศรษฐาก็ได้ส่งกระเช้าอวยพรวันปีใหม่มาให้ตัวเอง ในวันที่ 28 ธันวาคม ตัวเองจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า “ไม่ได้มีโอกาสพบกันจึงขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กับคุณเศรษฐาและครอบครัวประสบกับสิ่งดีดีเสมอไป ผมยังติดกับสงคราม” นายชูวิทย์ยืนยันว่าข้อความของตัวเองเป็นหลักฐานที่สามารถเปิดเผยได้ การเข้าไปคุยก็ไปในฐานะพ่อค้าคนทำธุรกิจ ยังมีรูปที่จับมือกันถ้าเกิดจงใจจะแบล็คเมล ก็คงไม่มีภาพแบบนี้ออกมา