สหรัฐฯ หวั่นเกิดวิกฤตผู้อพยพ เร่งผ่านกม. สกัด

สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ หรือสภาล่าง ได้เปิดลงมติเพื่อร่างกฎหมายสกัดผู้อพยพและยาเสพติดที่ข้ามพรมแดน หลังจากที่กฎหมาย Title 42

ที่บังคับใช้มานานกว่า 3 ปีหมดอายุไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ร่างกฎหมายนี้จะกำหนดข้อจำกัดที่ค่อนข้างเข้มงวดสำหรับบุคคลที่ต้องการขอลี้ภัย

จากเม็กซิโกเข้ามาในสหรัฐฯ และกำหนดเงื่อนไขว่าผู้ขอลี้ภัยจะต้องยื่นขอความคุ้มครองจากนอกแผ่นดินสหรัฐฯ

สหรัฐฯ กล่าวหาแอฟริกาใต้ ส่งอาวุธ-กระสุนให้รัสเซีย

สั่งรอลงอาญาหญิงรัสเซีย 3 ปี ฐาน “ดูหมิ่นหลุมศพพ่อแม่ปูติน”

หมายความว่าผู้ลี้ภัยจะไม่สามารถเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ ได้ หากยังไม่ได้รับการอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หลังจากเปิดให้ส.ส.ลงมติ ปรากฏว่าเสียงส่วนมากในสภาล่างของสหรัฐฯ เห็นชอบร่างกฎหมายสกัดคลื่นผู้อพยพนี้ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 219 เสียง ต่อ 213 เสียง เสียงเห็นชอบทั้ง 219 เสียงนี้ มาจากส.ส.ของพรรครีพีบลิกัน พรรคที่เสนอกฎหมายนี้ ส่วนส.ส.จากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นฝั่งตรงข้าม มีมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายนี้แบบเป็นเอกฉันท์

หลังจากการลงมติร่างกฎหมายเสร็จสิ้น เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ระบุว่า ส.ส.ของรีพับลิกันออกกฎหมายนี้เพื่อจัดการกับปัญหาผู้อพยพที่เป็นความท้าท้ายใหญ่ของสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลไม่จัดทำแผนใดๆ ทั้งที่ตระหนักดีว่ารัฐบาลมีเวลาถึง 2 ปี ก่อนที่กฎหมาย Title 42 จะหมดอายุลง

กระบวนการต่อไปหลังผ่านสภาล่างแล้ว กฎหมายนี้จะถูกส่งต่อไปให้กับวุฒิสภาสหรัฐฯ หรือสภาสูงพิจารณาก่อนให้ประธานาธิบดีไบเดนลงนาม

อย่างไรก็ดี สื่อต่างประเทศประเมินว่า ร่างกฎหมายนี้อาจถูกสภาสูงปัดตก เนื่องจากพรรคเดโมแครตที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ขณะที่ทางการของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเพื่อสกัดผู้อพยพ เมื่อวานนี้ ( 11 พ.ค.) อเลฮันโดร มายอร์กาส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ได้ออกมาแถลงชัดเจนว่า ชายแดนสหรัฐฯ ยังคงปิดอยู่ และทางการสหรัฐฯ ได้เตรียมมาตรการรับมือกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายเอาไว้แล้ว

ด้าน อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าจะไม่มีความโกลาหลเกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เนื่องจากทั้งสหรัฐฯ และเม็กซิโกได้ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันและหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีอันเดรจระบุว่ายังมีสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังในตอนนี้ โดยเฉพาะการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความสับสนและความรุนแรงบริเวณพรมแดนดังกล่าวคำพูดจาก เครื่องสล็อต

เมื่อวานนี้ก่อนที่ Title 42 หมดอายุลงในเวลา 23.59 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ผู้อพยพจำนวนมากได้หลั่งไหลมารวมตัวกันที่บริเวณชายแดนเม็กซิโก ท่ามกลางความหวังว่าจะได้เดินทางเข้าไปในแผ่นดินสหรัฐฯ

ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้าประจำบริเวณชายแดน เพื่อป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ภาพของชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในเมืองซิวดัด ฆัวเรซในรัฐชิวาวา ทางตอนเหนือของเม็กซิโกเมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หลัง Title 42 หมดอายุ บรรดาผู้ลี้ภัยเม็กซิโกจำนวนไม่น้อยยังคงปักหลักอยู่บริเวณชายแดน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ยืนเฝ้าตรวจตราหลังรั้วลวดหนาม เพื่อป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ที่อาจใช้ช่วงเวลานี้ลักลอบเข้าประเทศ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ในเมืองบราวน์สวิลล์ รัฐเท็กซัส ที่มีสะพานเชื่อมไปยังพรมแดนเม็กซิโก ก็ได้รวมตัวกันเพื่อตรวจตราและเฝ้าระวังผู้ลักลอบเข้าเมืองอีกชั้นต่อจากเจ้าหน้าที่บริเวณชายแดน

การเฝ้าระวังนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ ออสการ์ ลีเซอร์ นายกเทศมนตรีเมืองอัลปาโซ รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ ประเมินว่ามีผู้อพยพรอข้ามพรมแดนมายังสหรัฐฯ กว่า 10,000 คน

ภาพบริเวณชายแดนเมืองอัลปาโซเมื่อช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ประมาณ 7 ชั่วโมงก่อนที่กฎหมาย Title 42 สิ้นสุดลง จะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากต่อแถวรอเข้าดินแดนสหรัฐฯ ด้วยความหวังท่ามกลางแสงอาทิตย์ของวันที่กำลังจะหมดลง

 สหรัฐฯ หวั่นเกิดวิกฤตผู้อพยพ เร่งผ่านกม. สกัด

นอกจากการอพยพด้วยวิธีเดินเท้าข้ามชายแดนทางบกแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ชาวเม็กซิกันบางส่วนใช้เพื่อข้ามพรมแดนสหรัฐฯ ในวันที่กฎหมาย Title 42 กำลังจะหมดอายุลง คือ การว่ายข้ามแม่น้ำ

เมื่อวานนี้ ชาวเม็กซิกันหลายคนในเมืองมาตาโมรอสของเม็กซิโก ตัดสินใจว่ายน้ำข้ามแม่น้ำริโอ บราโวที่กั้นระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐฯ เพราะกังวลว่าจะเข้าไปในแผ่นดินสหรัฐฯ ได้ยากขึ้นในวันที่กฎหมาย Title 42 หมดอายุ

ตอนนี้หลายฝ่ายในสหรัฐฯ กังวลว่าตัวเลขผู้อพยพและยาเสพติดจากชายแดนเข้ามายังสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น หลังจากที่กฎหมาย Title 42 สิ้นสุดลง

Title 42 เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข สวัสดิการสังคม และสิทธิพลเมือง

ในรายละเอียด อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถขับไล่ผู้อพยพที่ถูกจับกุมตัวบริเวณชายแดนและส่งตัวกลับเม็กซิโกหรือประเทศต้นทางอย่างรวดเร็ว โดยปิดโอกาสไม่ให้ผู้อพยพทำเรื่องขอลี้ภัย

กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเสี่ยงของแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากนั้นในปี 2021 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ และคงกฎหมายข้อนี้ไว้ เนื่องจาก รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการรักษาจำนวนผู้ลี้ภัยให้อยู่ในจำนวนที่ต่ำ และป้องกันไม่ให้ผู้อพยพล้นประเทศ ภายใต้ข้ออ้างเรื่องมาตรการสาธารณสุข ย้อนกลับไปในปี 2021-2022 ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ ได้ส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศปลายทางเกือบ 3 ล้านครั้ง

อย่างไรก็ดี ในเดือนเมษายนปี 2023 กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินด้านโควิดในประเทศ ทำให้มาตรการด้านสาธารณสุขต่างๆ รวมถึงกฎหมาย Tiltle 42 จะถูกยกเลิกในเดือนพฤษภาคม

อย่างไรก็ดี แม้จะไม่มีกฎหมาย Title 42 แต่ทางการสหรัฐฯ ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การเปิดพรมแดนสหรัฐฯโดยอิสระ เพราะยังมีอีกมาตรการควบคุมชายแดนที่เรียกว่า Title 8 ซึ่งจะถูกนำมาบังคบใช้หลังจากนี้ กฎหมาย Title 8 ระบุว่า ผู้อพยพเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายจะถูกเนรเทศและห้ามไม่ให้เข้าสหรัฐฯ อีกอย่างน้อย 5 ปี หากผู้ถูกเนรเทศพยายามกลับเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายอีกครั้ง จะต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้ออกข้อกำหนดใหม่ที่จะเร่งให้การสัมภาษณ์และการคัดกรองผู้อพยพเสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง และส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศต้นทางภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ และวางแผนให้ผู้อพยพมีช่องทางในการเข้าประเทศถูกกฎหมายมากขึ้น

ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ตกลงที่จะรับผู้อพยพจากฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ที่มีครอบครัวอยู่ในสหรัฐฯ จำนวน 100,000 คนต่อเดือน และวางแผนเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพในโคลอมเบียและกัวเตมาลา เพื่อให้สามารถเข้าสหรัฐฯ ได้แบบถูกกฎหมาย